วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีการหนี
โดยธรรมชาติสิ่งของที่ถูกบีบ มันจะเกิดความเครียด ไม่ต่างกับจิตใจมนุษย์ที่ถูกบีบคั้น มันจะเกิดความคับข้องใจ อึดอัดใจ และต้องการหลุดพ้น
มนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าเป็นปัญหาเล็กปัญหาใหญ่ ใจที่คับข้องก็อาจต้องการการผ่อนคลาย การผ่อนคลายที่ว่านั้น เรียกว่าการหนี หนีไปอยู่ในโลกอื่นที่ไม่ใช่โลกของความจริง บ้างหนีไปอยู่ในโลกยาเสพติด โลกของความเพ้อฝัน บ้างหนีไปอยู่ในความหลับใหล บ้างหนีไปอยู่ในขวดสุรา อยู่ในบ้องกัญชา อยู่ในมวนบุหรี่ ยิ่งยุคสมัยนี้ยุคของไอที โลกที่มีให้เลือกเพื่อไปผ่อนคลายก็เยอะขึ้น โลกของเกมส์ โลกของ social network เคยเป็นไหม เด็กๆวัยเรียน พอขี้เกียจอ่านหนังสือ ก็หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ facebook เล่นเพลินจนสุดท้ายก็อ่านหนังสือไม่ทัน การหนีดังกล่าว อาจทําให้เราผ่อนคลายความเครียดได้ แต่การหนีก็ควรมีความพอดี เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อเรากลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง เราจะพบว่า ปัญหายังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ถ้าเราคิดที่จะไม่หนีตั้งแต่แรก เผชิญกับความจริง ถึงแม้มันอาจจะเจ็บปวด แต่สุดท้ายเราก็จะผ่านมันไปได้ และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
เชื่อไหม?
จงอย่าหนี

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การให้ ที่ทําให้ผู้อื่นเป็นทุกข์?

หลายคนอาจเคยสงสัย ว่าการให้ ซึ่งทําให้คนอื่นเป็นทุกข์ เป็นบุญจริงหรือ ยกตัวอย่างเช่น จากเรื่องพระเวศสันดรชาดก พระเวศสันดร ยกนางมัทรีให้เป็นทาน ถือเป็นเรื่องผิดศีลธรรมหรือไม่? ตัวผู้เขียน มีความเห็นในเรื่องดังกล่าว ดังนี้

ความทุกข์เกิดจากอะไร บางคนตอบว่าเกิดจากกิเลส แต่ลองมองให้ลึกกว่านั้น เมื่อสัมผัสทั้งห้าของเรา รับรู้สิ่งหนึ่ง(รูป) ก็จะเกิดความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หรือเฉยๆ (เวทนา) จากนั้นก็จะเกิดความคิดปรุงแต่ง จินตนาการคร่าวๆ (สังขาร) แล้วนําไปสู่การกระทําต่างๆแล้วแต่เวทนาของเรา เอาออกไป ต้องการได้มา หรือกํากวม ความรู้สึกเหล่านี้นํามาซึ่งความทุกข์ แต่คนเรามักจะอยู่ในวังวนแบบนี้ทุกๆวัน ไม่พ้นทุกข์เสียที ใครกันที่อยากได้ ใครกันที่อยากเอาออกไป ใครกันที่ไม่รู้จะทําอย่างไรดี นั่นก็คือตัวเรา เวลาที่เราอกหัก ใครกันที่เจ็บปวด ก็คือตัวเรา แต่ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆล่ะก็ ความคิดปรุงแต่งต่างหากที่ทําร้ายเรา เราไม่ได้เจ็บเพราะเขาจากไป แต่เราเจ็บเพราะความคิดที่ยึดติดกับอดีตทําร้ายตัวเอง สิ่งเหล่านี้ เป็นเพราะความคิดที่คิดว่า "ตัวกู ของกู" ความคิดนี้ นําพาให้เกิดทุกข์ทั้งสิ้น อย่าไปยึดติด มันไม่มีอะไรที่เป็นของเรา ไม่มีอะไรยั่งยืนตลอดกาล ไม่มีสิ่งที่เกิดแล้วไม่ดับ อารมณ์โกรธ ความทุกข์ ความสุข เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป เกิดขึ้น แล้วดับ ตามเหตุปัจจัย คนเราเกิดจากดิน สุดท้ายก็กลายเป็นดิน ดังนั้นหากเราคิดได้แล้วว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเรา แม้แต่ตัวเรา จึงสละได้ทุกอย่าง ดังที่พระเวสสันดรยกภรรยาให้ทานไป ส่วนความคิดที่ว่า แล้วไม่ห่วงกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายหรือ นั่นก็เป็นเวทนาอย่างหนึ่ง ถ้าเราดับเวทนาได้ ก็จะเป็นการตัดวงจรแห่งทุกข์ มันอาจจะดูเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัว การที่นางจะเป็นทุกข์ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน เดี๋ยวมันก็ดับไป หากพระเวสสันดรไม่ให้ทานนางไป ชาติถัดมา พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสรู้ และไม่เข้าถึงหนทางดับทุกข์ที่แท้จริง

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สิ่งที่เราทําอยู่ทุกวันนี้ เพื่ออะไร?

สิ่งที่เราทําทุกวันนี้ เพื่ออะไร?
หลังจากที่ได้ฟังการเดินทางภายใน
- a day bulletin ฉบับพี่ป๊อด
- รายการพื้นที่ชีวิต หลายๆตอน
- New heart new world วรรณสิงห์, ดร.วรภัทร์, วิศุทธ์ , โจน จันได
- รายการเจาะใจ วรรณสิงห์, ดร.วรภัทร์
- หนังสือธรรมชาติของสรรพสิ่ง นพ. ประเวศ วะสี
และแนวคิดของอีกหลายๆท่าน
ทําให้เราเริ่มตั้งคําถามกับตัวเอง
ความฝัน ที่เรากําลังเดินหา เพื่ออะไร?
ความฝันของฉัน เป็นไปเพื่อตอบสนองความอยากรู้ของตัวเอง อยากรู้ว่าจักรวาลเกิดมาได้อย่างไร มีมาเพื่ออะไร เกิดเป็นมนุษย์ทั้งทีเราต้องรู้ให้ได้
แต่นี่ ก็เป็นเพียงการตั้งคําถามเพราะความหลงในการเป็นมนุษย์
มองตัวเองคับฟ้า แต่ถ้าเราไปถึงจุดนั้นจริงๆ เราจะได้อะไร เราจะมีความสุขไหม?
เคยมองคนที่ไม่รู้จักตัวเอง แล้วไปเรียน ไปประกอบอาชีพที่ผู้คนเชิดชู แต่ไม่ทําให้โลกพัฒนา ว่าแย่
แต่สุดท้ายแล้ว เราก็เป็นคนแย่คนหนึ่ง ที่มองโลกแคบไป
เคยไหม ที่คิดอยากเปลี่ยนโลก ให้เป็นแบบที่เราอยากให้เป็น?
อยากให้โลก ไม่มีทุนนิยม ไม่มีวัตถุ ไม่มีคนชั่ว
ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่คิดแบบนั้น
แต่ตอนนี้่ฉันเข้าใจแล้วว่า
"เปลี่ยนโลก มันยากไป เปลี่ยนใจตัวเอง ง่ายกว่า"
ไม่ได้หมายความว่าให้เปลี่ยนใจไปเป็นวัตถุนิยม ไปเป็นคนชั่ว
แต่ให้เปลี่ยนใจ ให้ยอมรับ มองตัวเองให้เล็กลง มองโลกให้กว้างขึ้น สิ่งต่างๆ มันก็เป็นเช่นนั้นแล เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีผล ถ้าเหตุไม่ได้เกิดจากเราคนเดียวมันก็ดับยากเป็นธรรมดา แต่ถึงแม้ว่าเราจะดับไม่ได้ แต่เราสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้
ความฝันของฉันอาจช่วยสังคมไม่ได้
แต่ชีวิตคนเราไม่ได้มีด้านเดียวนี่ เราสร้างด้านอื่นของชีวิตขึ้นมาอีกก็ได้
บางที นี่อาจจะเป็นคําตอบหนึ่งของคําถาม...
(โปรดกลับไปอ่านหัวข้ออีกครั้ง)